...การดำน้ำเบื้องต้น
(Snorkeling or Skin Diving)...
ประวัติความเป็นมาของการดำน้ำ
ปัจจุบันกิจกรรม “ดำน้ำ” กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกสำหรับเมืองไทยของเรานับว่าโชคดีทีมีแหล่งดำน้ำทั้งสองฝั่งทะเล คือด้านทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีจุดดำน้ำสำคัญที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกอย่าง สิมิลัน ริเชลิว และหินม่วงหินแดง จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้มีชาวไทยนับแสนคนให้ความสนใจกิจกรรมดำน้ำ ดังจะเห็นได้จากข่าวคราวที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ อยู่เสมอ
คำว่า “ดำน้ำ” ที่เราใช้เรียกกันนั้นตรงกับภาษาอังกฤษที่ใช้ว่า SCUBA DIVING ย่อมาจากคำว่า “Self Contained Underwater Breathing Apparatus” Diving หมายถึง การดำลงไปใต้น้ำด้วยอุปกรณ์ที่มีอากาศสำหรับหายใจใต้น้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครๆก็สามารถดำน้ำได้โดยไม่ผ่านการฝึกฝนอย่างถูกวิธี
การเป็นนักดำน้ำจึงต้องเรียนจากครูผู้ฝึกสอนซึ่งมีทั้งครูที่ทำงานแบบอิสระและครูจากบริษัทดำน้ำที่เรามักเรียกกันว่า “ร้านดำน้ำ” มีอยู่มากมายทั้งในกรุงเทพ ระยอง พัทยา และจังหวัดใหญ่ๆทางภาคใต้เช่น เกาะภูเก็ต หรือเกาะเต่า เป็นต้น การดำน้ำอีกรูปแบบหนึ่งที่ดำเพียงผิวน้ำ มีหน้ากากและท่อหายใจทำให้มองเห็นและหายใจได้โดยสะดวก และมีตีนกบช่วยให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว หากมีความชำนาญจะสามารถดำลงไปใต้น้ำได้ แต่มีระยะเวลาจำกัดเท่าที่สามารถกลั้นหายใจใต้น้ำได้ การดำน้ำที่ผิวน้ำแบบนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Snorkeling”
นักดำน้ำหรือที่คนไทยทั่วๆไปนิยมเรียกกันว่า "มนุษย์กบ" มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ หาวิธีลงไปดูวิวใต้ทะเลสำเร็จโดยเข้าไปอยู่ในกล่องรูปวงกลมที่ทำด้วยกระจกแล้วหย่อนลงไปในทะเลทำให้มองเห็นวิวรอบๆตัวได้
นักดำน้ำหรือที่คนไทยทั่วๆไปนิยมเรียกกันว่า "มนุษย์กบ" มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ หาวิธีลงไปดูวิวใต้ทะเลสำเร็จโดยเข้าไปอยู่ในกล่องรูปวงกลมที่ทำด้วยกระจกแล้วหย่อนลงไปในทะเลทำให้มองเห็นวิวรอบๆตัวได้
ต่อมาในปี ค.ศ. 1690 Halley Bell ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ช่วยให้อยู่ใต้น้ำลึกและนานขึ้น โดยการใช้ถังไม้ขนาดใหญ่คว่ำลงไปแล้วใช้ลูกตุ้มเหล็กขนาดใหญ่ถ่วงให้จมลงถึงพื้นน้ำข้างล้าง ภายในถังมีที่นั่งสำหรับคนสองคน และให้คนหนึ่งถือท่อที่ใช้เป็นสายอากาศต่อไปยังโดมกระจกที่ใช้ครอบหน้าอีกคนหนึ่ง ทำให้เดินออกไปดูสภาพใต้น้ำนอกถังได้ ปี ค.ศ. 1803 มีการประดิษฐ์ชุดดำน้ำลักษณะเป็นท่อกลมสวมติดกับกางเกง แล้วต่อสายอากาศขึ้นมาที่ผิวน้ำ ซึ่งมีอีกหลายวิธีจากนักประดิษฐ์ที่พยายามคิดค้นกันแต่ทั้งหมดเป็นการเอาอากาศโดยใช้สายต่อจากข้างบนซึ่งมีปัญหามาก และใช้เวลานาน
บางครั้งมีการทำงานใต้น้ำ เช่นกู้สิ่งของต่าง ๆ จากเรือจมใช้เวลาแต่ละครั้งนานมาก ทำให้ไนโตรเจนซึมเข้ากระแสเลือดได้ และมีการขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วไนโตรเจนแปรสภาพเป็นฟองอากาศตามเส้นเลือดนักดำน้ำเหล่านั้นจึงเกิดปัญหาเจ็บป่วยอยู่เสมอ จึงมีการวิจัยค้นหาสาเหตุในที่สุดก็ทราบที่มาที่ไป โดย Brooklyn Bridge ชาวนิวยอร์คเป็นผู้ค้นพบและตั้งชื่อว่า “The Bends” ปี คศ.1878 Paul Bert ชาวฝรั่งเศสก็คิดวิธีการรักษาโรคเบนด์ได้สำเร็จด้วยวิธีที่เรียกว่า Decompression โดยใช้หลักการให้ผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในห้องที่ค่อยๆเพิ่มความกดดันเข้าไปให้เหมือนกับอยู่ใต้น้ำ ทำให้ไนโตรเจน ที่เป็นฟองอากาศค่อยๆซึมเข้าสู่กระแสเลือดเหมือนเดิมจากนั้นค่อย ๆ ลดความกดอากาศลงไนโตรเจนจะค่อยๆซึมออกมาเอง
บางครั้งมีการทำงานใต้น้ำ เช่นกู้สิ่งของต่าง ๆ จากเรือจมใช้เวลาแต่ละครั้งนานมาก ทำให้ไนโตรเจนซึมเข้ากระแสเลือดได้ และมีการขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วไนโตรเจนแปรสภาพเป็นฟองอากาศตามเส้นเลือดนักดำน้ำเหล่านั้นจึงเกิดปัญหาเจ็บป่วยอยู่เสมอ จึงมีการวิจัยค้นหาสาเหตุในที่สุดก็ทราบที่มาที่ไป โดย Brooklyn Bridge ชาวนิวยอร์คเป็นผู้ค้นพบและตั้งชื่อว่า “The Bends” ปี คศ.1878 Paul Bert ชาวฝรั่งเศสก็คิดวิธีการรักษาโรคเบนด์ได้สำเร็จด้วยวิธีที่เรียกว่า Decompression โดยใช้หลักการให้ผู้ป่วยเข้าไปอยู่ในห้องที่ค่อยๆเพิ่มความกดดันเข้าไปให้เหมือนกับอยู่ใต้น้ำ ทำให้ไนโตรเจน ที่เป็นฟองอากาศค่อยๆซึมเข้าสู่กระแสเลือดเหมือนเดิมจากนั้นค่อย ๆ ลดความกดอากาศลงไนโตรเจนจะค่อยๆซึมออกมาเอง
ทะเลไทยมีพื้นที่อันไพศาลมากกว่า 350,000 ตร.กม. ตั้งอยู่ในเขตที่เรียกว่า “อินโดแปซิฟิก” (Indo-Pacific) อันเป็นเขตที่อยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก ผลการสำรวจและศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ยืนยันว่าทะเลเขตนี้เป็นพื้นที่ที่มีอากาศและอุณหภูมิของน้ำทะเลพอเหมาะพอดี ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำมากที่สุดในโลก ซึ่งสรรพสิ่งเหล่านี้ได้แพร่เผ่าพันธุ์กระจายอยู่ในท้องทะเลทั้ง3ด้าน คือ อ่าวไทยตอนบนหรือชายทะเลแถบภาคตะวันออกอ่าวไทยตอนล่างหรือชายทะเลภาคใต้ฝั่งตะวันออก และทะเลอันดามันหรือทะเลไทยภาคใต้ฝั่งตะวันตกของ
"การดำผิวน้ำ" เป็นวิธีการดำน้ำที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ และมีหน้ากากและท่อสำหรับหายใจ เพื่อให้มองดูความสวยงามใต้ผิวน้ำได้อย่างชัดเจนเราต้องสวมชูชีพไว้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งชูชีพจะช่วยให้ตัวเราลอยน้ำ วิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เราเรียกว่าการดำน้ำแบบ "Skin Diving" หรือ "การดำผิวน้ำ" หรือ "Snorkeling" หน้ากากที่เราใส่ เรียกว่า "Mask" ท่อหายใจที่เราต้องคาบไว้ เรียกว่า "Snorkel" ถ้ามีตีนกบด้วยจะยิ่งดีมากเพราะจะทำให้เราว่ายน้ำเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ดีขึ้น
อุปกรณ์ต่างๆ ในการดำผิวน้ำ ก็มีวิธีการใช้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1. "หน้ากาก" ใช้สำหรับป้องกันไม่ให้น้ำเข้าตา ขณะที่เราจุ่มหน้าอยู่ใต้น้ำ ก่อนลงน้ำควรจะล้างกระจกหน้ากากให้สะอาดใสเพื่อที่เราจะได้มองเห็นโลกใต้น้ำแบบชัดเจน แจ่มแจ๋ว สดใสสวยงาม เมื่อเราดำน้ำไปสักพักหน้ากากจะเป็นฝ้าขุ่นมัว หรือบางครั้งมีน้ำรั่วเข้าไปบางส่วนซึ่งเราก็อาจจะจัดการกับปัญหานี้ด้วยการหยุดพัก และถอดหน้ากากออกล้างกับน้ำทะเล ก่อนที่จะสวมใส่และดำน้ำต่อไป
2. "ท่อหายใจ หรือ Snorkel" ท่อหายใจนี้เราต้องคาบไว้ขณะที่ดำน้ำ เพื่อให้เรามีอากาศหายใจเมื่อหน้าเราจมอยู่ในน้ำ เพื่อมองดูโลกใต้น้ำและความสวยงามต่างๆ ปลายของท่อส่วนหนึ่งจะอยู่บนผิวน้ำ และเราต้องคาบปลายอีกด้านหนึ่งไว้เพื่อดูด อากาศบริสุทธิ์ที่อยู่เหนือผิวน้ำนั้นมาใช้ในการหายใจ โดยที่เราไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาจากผิวน้ำนั่นเองล่ะค่ะท่อหายใจช่วยทำให้นักดำน้ำผิวน้ำ (Skin Diver) สามารถนอนคว่ำบนผิวน้ำเพื่อดูธรรมชาติใต้ท้องทะเลได้ตลอดเวลาโดยหายใจสูด อากาศเข้าปอดผ่านท่อหายใจได้อย่างสบาย ซึ่งมีปลายโผล่พ้นผิวน้ำและช่วยสงวนพลังงานของร่างกายโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาหายใจอันจะทำให้เหนื่อยง่าย
3. "ชูชีพ(Life Vests)" เป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย สำคัญที่สุดสำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นนะคะ ควรสวมไว้เพื่อให้เรามั่นใจว่ายังไงก็ไม่จม แต่มีข้อเสียก็คือ เวลาที่เราเห็นสิ่งที่น่าสนใจใต้น้ำ เราจะดำลงไปไม่ได้ อันที่จริงตัวของคนเราจะไม่จมน้ำอยู่แล้ว ถ้าเราดำผิวน้ำแบบใช้การลอยตัวโดยไม่ใช้ชูชีพจะทำให้เราคล่องตัวมากขึ้น แต่วิธีนี้แนะนำสำหรับผู้ที่มั่นใจในทักษะการว่ายน้ำของตนเองเท่านั้นนะคะ เพื่อความปลอดภัยยังไงก็สวมชูชีพไว้ดีกว่า กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการเดินทางโดยสารทางเรือหรือการเล่น กีฬาทางน้ำ อาทิ การดำน้ำแบบผิวน้ำ (Skin Diving) เพื่อชมปะการังน้ำตื้น เจ็ตสกี สกีน้ำ การแล่นเรือใบ การล่องลำน้ำหรือทะเลสาปด้วยเรือแคนู หรือเรือคยัก การล่องแก่งตามลำน้ำเชี่ยวกรากด้วยเรือยาง การตกปลาขณะอยู่ในเรือ ฯลฯ ส่วนที่สำคัญที่สุดของชูชีพก็คือ เป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตผู้ประสพภัยทางน้ำ ซึ่งเรือแต่ละลำจะต้องมีชูชีพติดประจำเรือในจำนวนที่ไม่น้อยกว่าผู้โดยสาร อยู่ตลอดเวลาตามกฎหมายของกรมเจ้าท่าที่ได้ประกาศออกมาบังคับใช้เป็นข้อกำหนด
4."ตีนกบ (FINS)" ตีน กบเป็นอุปกรณ์สวมใส่กับเท้าที่จะช่วยถ่ายทอดพลังงานจากเท้าไปสู่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราเคลื่อนที่ในน้ำได้เร็วขึ้น แต่ออกแรงน้อยลง ผู้ใช้จะไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยแม้จะว่ายน้ำดำน้ำเป็นเวลานานตีนกบแบ่งออกได้เป็น2 ประเภท คือ แบบหุ้มส้น และแบบเปิดส้น
"การดำน้ำลึก" หรือการดำน้ำแบบ "Scuba" ย่อมาจากคำว่า "Self Contained Underwater Breathing Apparatus" การดำน้ำแบบ Scuba นี้เป็นการดำน้ำแบบดำลึกลงไปใต้ผิวน้ำ เหมือนๆกับเราเป็นปลาว่ายอยู่ในน้ำเลยล่ะค่ะ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่แค่เรามีอุปกรณ์สำหรับการหายใจใต้น้ำและเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการดำน้ำที่ถูกต้อง เราก็จะสามารถลงไปแหวกว่ายอยู่ในโลกใต้น้ำแบบใกล้ชิดกับฝูงปลาและปะการังได้สบายๆค่ะ ผู้ที่จะดำน้ำแบบ Scuba ได้นั้นจะต้องผ่านหลักสูตรการเรียนดำน้ำที่อบรมมาเป็นพิเศษและได้รับบัตร ดำน้ำอย่างถูกต้องเสียก่อน จึงจะสามารถดำน้ำลึกได้ เพราะหากมิได้ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างถูกวิธี การดำน้ำลึกก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรดำน้ำอย่างถูกต้องแล้วก็ไม่ควรดำน้ำลึกตามลำพัง เพราะตามกฎความปลอดภัยในการดำน้ำทั่วโลกนั้นยึดถือระบบบัดดี้หรือการมีเพื่อนคู่ใจไว้คอยช่วยเหลือขณะอยู่ใต้น้ำ นอกจากนี้จุดดำน้ำลึกส่วนใหญ่ต้องใช้เรือในการเดินทางและมีไดฟ์มาสเตอร์ที่ชำนาญในการดำน้ำลงสู่จุดหมาย ผู้สนใจจึงควรติดต่อกับทัวร์ดำน้ำซึ่งให้บริการจัดการดำน้ำแบบเป็นกลุ่มจะสะดวกและปลอดภัยกว่าค่ะ
สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำน้ำลึกก็มีดังนี้ค่ะ
1. "ถังอากาศ" เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ หน้าที่ของมันก็คือเก็บอากาศไว้สำหรับให้เราใช้หายใจเมื่ออยู่ใต้น้ำนั้นเองค่ะ ถังอากาศมีหลายขนาดแต่ขนาดมาตรฐานคือ 11.5 ลิตร ถังหนึ่งจะดำได้นานประมาณ 40-50 นาทีในกรณีที่ดำไม่ลึกมาก อากาศที่อัดลงในถังก็คืออากาศรอบๆตัวเรานี่เองค่ะ
2. "ชุดปรับความดันและสายช่วยหายใจ" จากหัวถังเราจะต้องเอาชุดปรับความดันมาต่อ อากาศที่อัดมาในถังมีแรงดันมากกว่าความดันปกติรอบตัวเราประมาณ 200 เท่า ถ้าเราเปิดใช้โดยตรงจากหัวถังแรงดันจะสูงมากจนก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ เพราะแรงดันมันสูงมากขนาดที่ว่าถ้าเปิดใส่หน้าเราจังๆแรงดันก็จะดันจนเบ้าตาทะลุได้เลยทีเดียวค่ะ ดังนั้นหากต้องการเปิดดูว่าถัง ไหนมีลมหรือไม่จะต้องหันทางออกของลมไปในทิศทางที่อื่นที่ไม่โดนหน้าเราหรือหน้าใครๆชุดปรับแรงดันนี้จะลดความดันสูงจากในถังให้เป็นความดันที่ต่ำพอเหมาะสำหรับการหายใจและจากชุดปรับความดันก็จะมีสายเชื่อมต่อมาสำหรับเรกใช้หายใจค่ะ
4. "ตีนกบ หรือเรียกว่า Fin" ใช้เพื่อช่วยให้เราดำน้ำได้คล่องตัวมากขึ้น ตีนกบบางชนิดเหมือนตีนกบเลยทีเดียว แต่รุ่นใหม่ๆ จะออกแบบเหมือนหางปลาวาฬ ประโยชน์ของมันคือทำให้เรามีแรงส่งให้ว่ายน้ำได้เร็วขึ้น Fin มีมากมายหลายแบบให้เลือก แต่ชนิดใหญ่ๆ แบ่งเป็น 2 แบบคือ "Full Foot" คือฟินแบบสวมเข้าไปทั้งเท้าเหมือนใส่รองเท้า ซึ่งมีราคาถูกกว่า อีกแบบคือแบบ "Open Hill" คือแบบเปิดส้น ซึ่งจะต้องใส่รองเท้าก่อนที่จะใส่ฟิน ซึ่งดีที่ถอดง่ายใส่ง่ายและกระชับ แต่แพงและหนัก แล้วยังต้องเสียเงินซื้อรองเท้าด้วย
5. "เข็มขัดตะกั่ว" ปกติแล้วคนเราจะไม่จมน้ำเพราะปอดเป็นเหมือนลูกโป่งขนาดใหญ่ในร่างกายเรายิ่งเราใส่ Wet Suit ยิ่งทำให้ตัวเราลอยน้ำถึงแม้จะมีถังอากาศแบกอยู่บนหลังก็จะไม่จมไปใต้น้ำแต่จะจมปริ่มน้ำ ดังนั้นเราจึงต้องหาของหนักๆมาถ่วงเพื่อให้จมไปใต้น้ำส่วนใหญ่ใช้ตะกั่วเพราะมีราคาถูก
6. "หน้ากากดำน้ำ หรือที่เรียกว่า Mask" มีไว้เพื่อป้องกันน้ำทะเลเข้าตา และช่วยให้การมองเห็นใต้น้ำของเราดีขึ้น หน้ากากดำน้ำมีมากมายหลายแบบ บางแบบก็สามารถถอดเปลี่ยนใส่เลนส์สายตาได้ด้วย บางครั้งนักดำน้ำแบบ Scuba นิยมติด Snorkel ไว้ที่หน้ากากด้วยเพื่อที่จะใช้หายใจเมื่ออยู่บริเวณผิวน้ำ ทั้งนี้เพื่อประหยัดอากาศในถังที่เก็บไว้ใช้ใต้น้ำนั่นเองค่ะ
นอกจากอุปกรณ์เหล่านี้แล้วก็ยังมีอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย เช่น BCD ไฟฉายใต้น้ำ มีดดำน้ำ ฯลฯ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อคุณไปฝึกดำน้ำลึกนั้น ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำคุณได้ว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง และมีวิธีการใช้อย่างไร ซึ่งในการดำน้ำลึกนี้คุณไม่สามารถฝึกด้วยตนเองได้อย่างแน่นอนค่ะ หากสนใจก็ลองปรึกษาบริษัททัวร์ที่มีบริการดำน้ำได้เลยนะคะ ซึ่งมีอยู่มากมายหลายที่ค่ะ
สำหรับการท่องเที่ยวดำน้ำในทริปต่อไปของเพื่อนๆ เรื่องจุดดำน้ำที่สวยงามและอุปกรณ์การดำน้ำนั้น ไม่ต้องห่วงเลยนะคะ เมื่อคุณไปเที่ยวทะเลตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และสนใจอยากจะดำน้ำด้วย บริษัททัวร์หรือบริเวณแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะมีบริการพาเที่ยวดำน้ำตื้นและน้ำลึกประเภทนี้อยู่แล้ว ราคาก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการดำน้ำของคุณเอง ว่าจะดำน้ำตื้นหรือน้ำลึก หรือไปดำกี่จุด ต้องออกเรือไปไกลไหม ฯลฯ ซึ่งราคานั้นก็อยู่ที่การตกลงกันของนักท่องเที่ยว กับผู้ให้บริการค่ะ และ บางครั้งก็รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์ที่คุณซื้อมาแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นหมดห่วงเรื่องนี้ไปได้เลยค่ะ แต่สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมดำน้ำโดยเฉพาะ และได้ออกท่องเที่ยวดำน้ำอยู่เป็นประจำแล้วล่ะก็ การซื้ออุปกรณ์ดำน้ำไว้ใช้ส่วนตัว โดยเลือกคุณภาพ มาตรฐาน และรูปแบบที่ถูกใจเรานั้นเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยค่ะ
ทิ้งท้ายไว้อีกนิด กับสิ่งที่ต้องพึงระวังขณะดำน้ำตามแนวปะการังก็คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือแตะต้องปะการัง แม้การแตะเพียงแผ่วเบาก็อาจทำให้ปะการังแตกหักได้ และต้องใช้เวลานานหลายสิบปีกว่าปะการังชิ้นนั้นจะเติบโตจนมีขนาดเท่าเดิมได้นะคะ เที่ยวสนุกและได้รับความงดงามจากการชมธรรมชาติแล้ว ก็อย่าลืมช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพเดิม เพื่อให้ความสวยงามของท้องทะเลยังอยู่คู่โลกเราไปอีกนานๆ นะคะ
(◕‿◕✿)..•·.·´¯`·.·• •·.·´¯`·.·.¸¸·´¯`·.¸¸.·(◕‿◕✿)